ลักทรัพย์นายจ้าง ดำเนินคดีและสู้คดีอย่างไร

19 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ลักทรัพย์นายจ้าง ดำเนินคดีและสู้คดีอย่างไร

          ลักทรัพย์นายจ้างคืออะไร? ต่างจากลักทรัพย์ทั่วไปอย่างไร
          โดยหลักแล้ว “ลักทรัพย์” คือการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต กำหนดไว้ใน ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท แต่ถ้าผู้กระทำเป็น ลูกจ้างเอาทรัพย์ของนายจ้าง หรือทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง กฎหมายถือว่าเป็น “เหตุฉกรรจ์” ตาม มาตรา 335 (11) ทำให้โทษหนักขึ้น ฐานนี้จึงเรียกติดปากว่า “ลักทรัพย์นายจ้าง” 

          การจะนับว่าเป็น “ลักทรัพย์นายจ้าง” ได้ ต้องมีสถานะความเป็น นายจ้าง–ลูกจ้าง กฎหมายอ้างอิงนิยาม “นายจ้าง” ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 5 ว่าเป็นผู้รับลูกจ้างเข้าทำงานโดยจ่ายค่าจ้าง รวมถึงผู้ได้รับมอบหมายให้ทำงานแทนนายจ้าง และในกรณีที่นายจ้างเป็นนิติบุคคลก็รวมผู้มีอำนาจกระทำการแทนด้วย

         โทษของความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง

          โทษของความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท แต่หากลักษณะการกระทำเข้าเหตุฉกรรจ์ ตั้งแต่ 2 อนุมาตราขึ้นไป โทษอาจปรับโทษเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีกด้วย โดยแนวทางทั่วไป คดีลักทรัพย์นายจ้างไม่ใช่ความผิดอันยอมความได้ ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์แล้วคดีไม่ระงับ แตกต่างจากคดีอันยอมความได้บางฐานความผิดอื่น ๆ

         อายุความคดีลักทรัพย์นายจ้าง
         จากอัตราโทษดังกล่าว คดีนี้มี อายุความฟ้องคดีอาญา 10 ปี นับแต่วันกระทำความผิด ทั้งนี้หากฟ้องแล้วจำเลยหลบหนีและศาลงดพิจารณาเกินกำหนด กรณีก็ถือว่าขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 95 เช่นกัน

         องค์ประกอบความผิดที่มักถูกโต้แย้งในคดี “ลักทรัพย์นายจ้าง”

          สถานะลูกจ้าง – ต้องพิสูจน์ได้ว่าผู้กระทำเป็นลูกจ้างของผู้เสียหายจริง (มีสัญญาจ้างเป็นหนังสือ/พยานหลักฐานการทำงาน/สลิปเงินเดือน ฯลฯ) 

          การเอาทรัพย์ไปโดยทุจริต – ครบองค์ประกอบ “ลักทรัพย์” ตามมาตรา 334 คือเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต ไม่ใช่ข้อพิพาททางแพ่งหรือเรื่องเบิกจ่ายผิดขั้นตอนเฉย ๆ

          ทรัพย์เป็นของนายจ้างหรืออยู่ในความครอบครองของนายจ้าง – ไม่จำกัดว่าจะเป็นเงินสด สินค้า วัตถุดิบ หรือทรัพย์ทางปัญญาบางประเภทที่จับต้องได้ (เช่น อุปกรณ์ เครื่องมือ ฯลฯ)

          ทำอย่างไรเมื่อถูกกล่าวหา หรือเมื่อนายจ้างสงสัยว่าถูกลูกจ้างลักทรัพย์

          สำหรับผู้ถูกกล่าวหา (ลูกจ้าง/อดีตลูกจ้าง)
          ติดต่อทนายความ เพื่อประเมินข้อเท็จจริงและทางเลือกก่อนให้การ รวบรวมหลักฐาน เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด ไลน์แชท มอบหมายงาน รายการเบิก–จ่าย ใบลงเวลางาน งดให้ถ้อยคำโดยไม่จำเป็น ก่อนปรึกษา ทนาย/ที่ปรึกษากฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงคำรับสารภาพโดยไม่ตั้งใจ พิจารณาทางออกเชิงแพ่ง (ชดใช้/คืนทรัพย์) แม้คดีอาญาไม่อาจยอมความ แต่การแสดงความรับผิด อาจช่วยลดโทษ 

           สำหรับนายจ้าง/ผู้เสียหาย
           บันทึกเหตุการณ์และรวบรวมหลักฐานทันที (CCTV, รายงานตรวจนับ, พยานร่วมงาน) แจ้งความ กับพนักงานสอบสวน พร้อมระบุว่าเป็นกรณี “ลักทรัพย์นายจ้าง มาตรา 335(11)” ประสานงานฝ่าย HR/กฎหมายแรงงาน ให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน เช่น การเลิกจ้าง การออกหนังสือรับรองการทำงาน เป็นต้น

            แนะนำ “ทนายนิธิพล” – ทนายความคดีลักทรัพย์นายจ้าง
             หากคุณกำลังเผชิญคดี ลักทรัพย์นายจ้าง ไม่ว่าฐานะผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้เสียหาย การมีทนายความ ที่เข้าใจทั้งกฎหมายอาญาและกฎหมายแรงงานเป็นกุญแจสำคัญ เราขอแนะนำ “ทนายนิธิพล” ที่ให้บริการในรูปแบบ สำนักงานทนายความ&สำนักงานกฎหมาย ที่เน้นงานคดีแพ่งและคดีอาญา รับเป็น ที่ปรึกษากฎหมาย ตั้งแต่ชั้นสอบสวน ฟ้องคดี เจรจา และวางแผนลดความเสี่ยงทางคดี


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้