Last updated: 14 พ.ย. 2567 | 21 จำนวนผู้เข้าชม |
การเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เสียภาษีอย่างไร
การเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ (Specific Business Tax) เป็นภาษีที่กำหนดขึ้นสำหรับกิจการเฉพาะที่ทำการธุรกิจในลักษณะพิเศษ ซึ่งต่างจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่ใช้กับการขายสินค้าหรือบริการทั่วไป โดยภาษีธุรกิจเฉพาะนี้จะเรียกเก็บจากกิจการที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจการเงินและสินเชื่อ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอื่น ๆ ที่ได้รับการกำหนดตามกฎหมาย
ตามมาตรา 91/2 แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดไว้ว่า "บุคคลใดที่ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน ธุรกิจประกันภัย การรับจำนำตามกฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำ การประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ การขายหลักทรัพย์ตามกฎหมาย และธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อกำไร จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตราที่กำหนดตามแต่ละประเภทธุรกิจ" โดยภาษีดังกล่าวจะคิดตามจำนวนรายได้หรือมูลค่าที่เกิดจากการประกอบกิจการ
ประเภทธุรกิจที่อยู่ภายใต้ภาษีธุรกิจเฉพาะ
ธุรกิจธนาคาร: ประกอบด้วยธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงิน รับฝากเงิน หรือทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ
ธุรกิจสินเชื่อ: รวมถึงบริษัทที่ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้า ซึ่งต้องเสียภาษีเฉพาะที่กำหนดในอัตราพิเศษ
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย: การขายที่ดิน อาคาร หรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ที่ได้รับรายได้จากการขายเพื่อกำไร
ธุรกิจประกันภัย: ผู้ประกอบการที่ดำเนินการด้านประกันภัยจะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจากรายได้ที่เกิดจากการประกันภัย
การรับจำนำตามกฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำ: กิจการที่ทำธุรกิจรับจำนำสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำจะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากการให้บริการดังกล่าว การประกอบ กิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์: รวมถึงกิจการที่ไม่ได้เป็นธนาคารพาณิชย์แต่ดำเนินการในลักษณะที่คล้ายกับธนาคาร เช่น การให้กู้ยืมเงิน การรับฝากเงิน ซึ่งจะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตราที่กำหนด
กิจการการขายหลักทรัพย์ตามกฎหมาย: การขายหลักทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจากรายได้ที่เกิดจากการขายหลักทรัพย์
การคำนวณและอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ
การคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะจะขึ้นอยู่กับอัตราที่กำหนดตามประเภทธุรกิจ โดยทั่วไปอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะจะอยู่ที่ร้อยละ 0.01 ถึง 3 ของรายได้ เช่น ธนาคารพาณิชย์เสียภาษีในอัตราร้อยละ 0.01 ของรายได้ ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีอัตราภาษีอยู่ที่ร้อยละ 3 บวกกับภาษีบำรุงท้องที่อีก 10 % จึงเป็นร้อยละ 3.3 โดยการเสียภาษีต้องดำเนินการรายเดือนตามรอบรายได้ที่เกิดขึ้นจริง
ข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ตามมาตรา 91/6 แห่งประมวลรัษฎากรได้กำหนดให้กิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะต้องจัดทำและยื่นแบบภาษีเป็นรายเดือน โดยต้องยื่นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปจากวันที่มีรายได้ ซึ่งหากมีการล่าช้าหรือไม่ยื่นแบบอาจต้องเสียค่าปรับและดอกเบี้ยเพิ่มเติม
คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ
ตรวจสอบลักษณะธุรกิจของคุณ: หากธุรกิจเข้าข่ายประเภทที่ต้องเสียภาษีเฉพาะ ควรเตรียมความพร้อมในการยื่นแบบและการคำนวณภาษี
จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายที่ถูกต้อง: เพื่อให้การคำนวณภาษีเป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วน
ยื่นแบบตรงเวลา: การยื่นแบบตรงตามกำหนดจะช่วยหลีกเลี่ยงการเสียค่าปรับและดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น โดยมีขั้นตอนการยื่นแบบภาษีดังนี้
- จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น บัญชีรายรับรายจ่าย และรายงานภาษี
- กรอกข้อมูลในแบบภาษีธุรกิจเฉพาะ (แบบ ภ.ธ. 40) ให้ครบถ้วน
- ยื่นแบบภาษีผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร หรือที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่
- ชำระภาษีที่คำนวณได้ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี: การได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญช่วยให้การวางแผนภาษีมีประสิทธิภาพและลดภาระการเสียภาษีเกินควร
สรุป การเสียภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการธุรกิจเฉพาะต้องให้ความสำคัญและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด การเข้าใจถึงประเภทธุรกิจ อัตราภาษี และกระบวนการยื่นแบบจะช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างถูกต้อง
ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย
สำนักงานกฎหมาย สำนักงานทนายความ
แฟนเพจ FB : ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย
โทร : 095-453-4145 เวลาติดต่อจันทร์-เสาร์ 10.00น – 18.00น
21 พ.ย. 2567
2 ธ.ค. 2567
25 พ.ย. 2567