การคืนรถไฟแนนซ์โดยไม่เสียค่าส่วนต่าง - ทนายนิธิพล

Last updated: 28 ก.ย. 2566  |  145452 จำนวนผู้เข้าชม  | 

การคืนรถไฟแนนซ์โดยไม่เสียค่าส่วนต่าง - ทนายนิธิพล

         การคืนรถไฟแนนซ์โดยไม่เสียค่าส่วนต่าง
         

         โดยปกติแล้วสัญญาเช่าซื้อนั้นให้สิทธิผู้ให้เช่าซื้อที่จะสามารถคืนรถเมื่อไหร่ก็ได้ และสามารถบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อรถได้ โดยการแจ้งการคืนรถต่อไฟแนนซ์ หากผู้เช่าซื้อมีการผิดนัดไม่เกินค่างวดรถ 3 งวด (เดิม) > แต่ปัจจุบันตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา การคืนรถโดยที่ไม่เสียค่าส่วนต่างต้องไม่ค้างค่างวดและค้างค่าติดตามทวงถาม เท่านั้น (อัพเดตใหม่ 2566)

         กรณีเช่นไรจึงที่จะเสียค่าส่วนต่างและไม่ต้องเสียค่าส่วนต่าง

         ตามหลักแล้ว กรณีผู้เช่าซื้อเป็นฝ่ายคืนรถเอง โดยผู้เช่าซื้อคืนรถทั้งที่ยังค้างค่างวดอยู่ และคืนรถในช่วงเวลาที่มีหนังสือบอกเลิกสัญญาจากไฟแนนซ์มาแล้ว หรือคืนรถหรือถูกยึดรถหลังจากระยะเวลา 30 วันตามหนังสือบอกเลิกสัญญาของไฟแนนซ์แล้ว ถือว่าผู้เช่าซื้อต้องจ่ายค่าส่วนต่างหรือค่าขาดราคาให้กับไฟแนนซ์ด้วย เมื่อไฟแนนซ์นำรถไปขายทอดตลาดและขาดทุน  ยกเว้นในกรณีที่นำรถไปคืนแล้วไฟแนนซ์โดยที่ไม่ค้างค่างวดใดๆและค่าติดตามทวงถาม และไฟแนนซ์ยินยอมรับรถคืนถือว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาโดยสมัครใจทั้งสองฝ่ายในกรณีนี้ผู้เช่าซื้อก็ไม่ต้องจ่ายค่าส่วนต่าง เช่น  ผู้เช่าซื้อผ่อนรถต่อไม่ไหว ผิดนัดชำระในงวดที่เกิน 3 งวดแล้ว จึงนำรถไปคืนกับไฟแนนซ์ กรณีเช่นนี้ผู้เช่าซื้อต้องจ่ายค่าส่วนต่างให้กับไฟแนนซ์หรือ

         ผู้เช่าซื้อได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญามาจากไฟแนนซ์ให้ชำระเงินที่ค้างค่างวดรถภายใน 30 วัน เนื่องจากผู้เช่าซื้อผ่อนรถต่อไม่ไหวไม่มีเงินไปชำระค่างวดที่คงค้างอยู่จึงนำรถไปคืนในระหว่าง 30 วันที่ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญา กรณีเช่นนี้ผู้เช่าซื้อก็ต้องจ่ายค่าส่วนต่างด้วยเช่นกัน

         กรณีผู้ให้เช่าซื้อเป็นฝ่ายมายึดรถเอง คือถ้ากรณีของผู้ให้เช่าซื้อมายึดรถเองผู้เช่าซื้อจะต้องจ่ายค่าส่วนต่างหรือไม่นั้นต้องดูว่าผู้ให้เช่าซื้อมายึดรถได้ยึดรถโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เช่น

         ผู้เช่าซื้อผิดนัดครบ 3 งวดแล้ว ผู้ให้เช่าซื้อเข้ายึดรถโดยที่ไม่มีหนังสือบอกเลิกสัญญาให้ชำระเงินที่ค้างค่างวด โดยที่ผู้เช่าซื้อจะยินยอมหรือไม่ยินยอม กรณีเช่นนี้ผู้เช่าซื้อไม่ต้องจ่ายค่าส่วนต่างเพราะเป็นการยึดรถโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และถือว่าผู้ให้เช่าซื้อและผู้เช่าซื้อได้ต่างมีการสมัครใจบอกเลิกสัญญาโดยปริยายแล้ว

         ผู้เช่าซื้อผิดนัดครบ 3 งวดแล้ว ผู้ให้เช่าซื้อมีหนังสือบอกเลิกสัญญาให้ชำระเงินที่ค้างค่างวดภายใน 30 วัน แต่ผู้ให้เช่าซื้อกลับจะเข้ายึดรถตั้งแต่ยังไม่ครบกำหนดให้ชำระเงินตามที่กำหนดไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญา กรณีเช่นนี้ผู้เช่าซื้อไม่ต้องจ่ายค่าส่วนต่างเพราะเป็นการยึดรถโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และถือว่าผู้ให้เช่าซื้อและผู้เช่าซื้อได้ต่างมีการสมัครใจบอกเลิกสัญญาโดยปริยายแล้ว

         ดังนั้นแล้วเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้และผู้เช่าซื้อได้คืนรถโดนที่ไม่ค้างค่างวดและค้างค่าติดตามทวงถาม เมื่อมีไฟแนนซ์มีการฟ้องเรียกค่าส่วนต่างหรือค่าขาดราคามา ผู้เช่าซื้อต้องควรทำอย่างไรจึงจะไม่ถูกบังคับให้ชำระค่าส่วนต่างจากการยึดรถโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของไฟแนนซ์ ให้ผู้เช่าซื้อจะต้องหาทนายความเพื่อต่อสู้คดี ปฎิเสธความรับผิดให้ชำระหนี้ค่าส่วนต่างที่ไฟแนนซ์เรียกมา ถ้าหากผู้เช่าซื้อไม่ต่อสู้คดี ศาลอาจจะพิพากษาไปตามฟ้องของโจทก์ได้

         

            คำพิพากษานี้เป็นกรณีตัวอย่างที่สำนักงานของเราได้สู้คดีให้แก่ลูกความ ผลก็คือศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทไฟแนนซ์ โดยโจทก์ฟ้องมาให้จำเลยชำระเงินทั้งสิ้น 256,633.66 บาท เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องลูกความของเราก็ไม่ต้องจ่ายค่าส่วนต่างใดๆให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทไฟแนนซ์อีกครับ 

         คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2330/2558   

         สัญญาเช่าซื้อข้อ 12 กำหนดว่า หากผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้องวดใดงวดหนึ่งก็ดี ผู้เช่าซื้อยินยอมให้ผู้ให้เช่าซื้อได้กลับเข้าครอบครองทรัพย์ที่เช่าซื้อและ/หรือบอกเลิกสัญญาได้ทันที ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อในงวดที่ 2 โจทก์จึงมีสิทธิดำเนินการตามข้อสัญญาดังกล่าว แต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์รับชำระค่าเช่าซื้อในงวดที่ 3 และงวดที่ 4 แสดงว่าโจทก์สละสิทธิตามข้อสัญญานี้ หนังสือแจ้งให้ชำระหนี้ไม่ถือเป็นหนังสือบอกเลิกสัญญา และยังไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้บอกเลิกสัญญา ดังนั้น สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ยังมีผลผูกพันอยู่ การที่ ช. ผู้รับจ้างในการติดตามรถที่เช่าซื้อรถของโจทก์ยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโดยจำเลยที่ 1 มิได้โต้แย้ง พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างสมัครใจเลิกสัญญากันโดยปริยายในวันที่ยึดรถที่เช่าซื้อคืน คู่สัญญาจึงไม่มีสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาอีกต่อไป โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อจะฟ้องเรียกค่าขาดราคาส่วนที่ขายทรัพย์ที่เช่าซื้อไป หรือราคาทรัพย์ที่เช่าซื้อส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาข้อ 15 ซึ่งระงับไปแล้วไม่ได้

         คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4607/2562

         แม้ตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 12 จะให้สิทธิผู้เช่าซื้อในการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อเสียเมื่อใดก็ได้ โดยผู้เช่าซื้อจะต้องส่งคืนและส่งมอบรถยนต์ในสภาพที่ซ่อมแซมเรียบร้อยและใช้การได้ดีในสภาพเช่นเดียวกับวันที่รับมอบรถยนต์ไปจากเจ้าของพร้อมทั้งอุปกรณ์ และอะไหล่ทั้งหมดให้แก่เจ้าของ ณ สำนักงานของเจ้าของ แต่สัญญาข้อดังกล่าวยังระบุเงื่อนไขต่อไปอีกว่า “และชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญานี้อยู่ในเวลานั้นทันที…” แสดงให้เห็นว่า กรณีที่จะถือว่าเป็นการเลิกสัญญาตามสัญญาเช่าซื้อข้อดังกล่าว ก็ต่อเมื่อจำเลยที่ 1 ต้องส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์พร้อมกับชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญานี้อยู่ในเวลาที่ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์แล้ว เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่า นอกจากจำเลยที่ 1 จะส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์แล้ว จำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญาแก่โจทก์ทันที อันเป็นการปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาเพื่อใช้สิทธิเลิกสัญญา กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อตามสัญญาข้อ 12 ที่จะทำให้โจทก์มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาตามสัญญาข้อ 13 พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์โดยไม่ปรากฏข้อโต้แย้งคัดค้านของโจทก์ ถือว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างสมัครใจเลิกสัญญาต่อกันโดยปริยาย โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาอันเป็นค่าเสียหายตามข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อได้

          แต่เนื่องจากการที่ท่านจะคืนรถแม้จะยังไม่ได้ค้างค่างวดก็ตาม ในขั้นตอนการคืนรถ ไฟแนนซ์ก็มักจะมีเอกสารหรือข้อสัญญาที่ระบุว่า หากมีการคืนก็ต้องชดใช้ค่าส่วนต่างจากการขายแล้วขาดทุน ด้วยหากคุณต้องการทราบขั้นตอนการคืนรถแบบไม่เสียค่าส่วนต่างที่ทนายไม่ได้เปิดเผยโดยทั่วไป เพื่อให้การคืนรถของคุณก่อนที่จะค้างชำระค่างวด เป็นไปอย่างรัดกุมเป็นไปตามหลักของกฎหมาย มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้นในการต่อสู้คดี มีหลักฐานในการสู้คดีอย่างชัดเจนเพื่อประหยัดค่าทนายความ และมีโอกาสสูงที่จะไม่ต้องจ่ายค่าส่วนต่าง แม้ตอนคืนรถไฟแนนซ์จะมีเอกสารให้เซ็นว่ายินยอมชดใช้ค่าส่วนต่างก็ตาม หากคุณต้องการจะทราบขั้นตอนที่ทำเองได้ ไม่ต้องไปจ้างคนอื่นให้ทำเรื่องคืนรถให้ซึ่งมีค่าใช้จ่ายหลักพันถึงหลักหมื่น สามารถอินบ็อกซ์มาได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก "ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย" หรือเบอร์ 095-453-4145 (มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษา แต่ค่าปรึกษาเพียงหลักร้อยเท่านั้น)

 

ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย

รับว่าความทุกคดี ทั่วราชอาณาจักรไทย

Facebook Fan Page :: ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย

เปิดทำการ :: วันจันทร์ – วันเสาร์

เวลาทำการ :: 09:00 - 18:00 น.

เบอร์ติดต่อ (โทรเวลาทำการ) :: 095-453-4145

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้