48 จำนวนผู้เข้าชม |
การดำเนินคดีข้อหาบุกรุก: ความรู้พื้นฐานทางกฎหมายและแนวทางปฏิบัติ
ความหมายของการบุกรุกตามกฎหมาย การบุกรุก (Trespassing) ถือเป็นการกระทำที่บุคคลหนึ่งเข้าไปหรืออยู่ในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน อาคาร หรือพื้นที่ส่วนบุคคลอื่นใด โดยไม่มีสิทธิ์ตามกฎหมายหรือไม่มีเหตุอันสมควร การกระทำเช่นนี้นอกจากจะสร้างความไม่สงบและละเมิดสิทธิของเจ้าของทรัพย์สินแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือข้อพิพาทที่ร้ายแรงในทางกฎหมายอีกด้วย ซึ่งในประเทศไทยมีบทบัญญัติกฎหมายที่ชัดเจนในการควบคุมและลงโทษการกระทำลักษณะดังกล่าว
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลอื่นเพื่อเข้าครอบครองทรัพย์สินนั้นทั้งหมดหรือบางส่วน หรือเข้าไปในทรัพย์สินนั้นเพื่อกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองโดยสงบสุขของบุคคลนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365
ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 362 มาตรา 363 หรือมาตรา 364 ได้กระทำ
(1) โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
(2) โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือ
(3) ในเวลากลางคืน
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การดำเนินคดีข้อหาบุกรุกสามารถดำเนินการได้ดังต่อไปนี้
แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ – เมื่อเกิดเหตุการณ์บุกรุก ผู้เสียหายควรรีบดำเนินการแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุโดยทันที พร้อมนำหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด พยานบุคคล หรือเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินมาประกอบ
การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ – เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบปากคำผู้ร้อง พยาน และผู้ถูกกล่าวหา รวมถึงลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุการณ์และรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ
ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ – หากเห็นว่ามีมูล เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจัดทำสำนวนคดีและส่งต่อให้พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาฟ้องร้องต่อศาล
กระบวนการในศาล – เมื่อคดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยจะมีโอกาสแสดงพยานหลักฐานและให้การตามสิทธิของตน
บทลงโทษตามกฎหมาย
แนวทางการป้องกันการบุกรุก
ติดตั้งป้ายเตือนชัดเจน – เช่น ป้าย "ห้ามบุกรุก" หรือ "ทรัพย์สินส่วนบุคคล" โดยติดไว้ในจุดที่เห็นได้ชัดเจนบริเวณรอบพื้นที่ เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการป้องกันและใช้เป็นข้ออ้างประกอบคดี
ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) – เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์หากมีการบุกรุกเกิดขึ้น และใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นสอบสวนหรือในศาล
ปรึกษาทนายความหรือที่ปรึกษากฎหมาย – เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับสิทธิและแนวทางดำเนินคดี รวมถึงการจัดการเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องตามกระบวนการกฎหมาย
ปรึกษาสำนักงานทนายนิธิพล ปรึกษาฟรีในเบื้องต้นไม่มีค่าใช้จ่าย
โทร: 095-453-4145 (ปรึกษาฟรี 5 นาที ในเบื้องต้น)
ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย
#ทนายคดีบุกรุก #ทนายสู้คดีบุกรุก #ทนายความ #สำนักงานกฎหมาย