Last updated: 11 พ.ย. 2567 | 58 จำนวนผู้เข้าชม |
ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องในคดีอาญา: สิทธิและข้อกฎหมายที่ควรรู้
ในการดำเนินคดีอาญา ผู้เสียหายคือบุคคลที่ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลย ซึ่งกฎหมายให้สิทธิแก่ผู้เสียหายในการแจ้งความหรือยื่นฟ้องร้องคดีอาญา โดยบทความนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอำนาจและกระบวนการฟ้องคดีอาญาของผู้เสียหาย รวมถึงการอ้างอิงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและคำพิพากษาศาลฎีกาที่สำคัญ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในสิทธิของผู้เสียหายในการเรียกร้องความยุติธรรม
ความหมายของ “ผู้เสียหาย” ตามกฎหมาย
ผู้เสียหาย หมายถึง บุคคลที่ได้รับความเสียหายทั้งทางกาย จิตใจ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน อันเป็นผลมาจากการกระทำความผิดของผู้กระทำความผิด ผู้เสียหายในคดีอาญาอาจประกอบด้วยผู้ที่ได้รับความเสียหายโดยตรง เช่น ผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกาย ผู้ที่ถูกลักทรัพย์ หรือบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำผิดนั้นๆ ตามมาตรา 2 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และตามมาตรา 28 ซึ่งระบุสิทธิของผู้เสียหายและพนักงานอัยการในการฟ้องร้องคดีในฐานะโจทก์
และผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ระบุว่า เมื่อผู้เสียหายได้ยื่นฟ้องแล้วตายลง ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน สามีหรือภริยาจะดำเนินคดีต่างผู้ตายต่อไปก็ได้ ถ้าผู้เสียหายที่ตายนั้นเป็นผู้เยาว์ ผู้วิกลจริต หรือผู้ไร้ความสามารถ ซึ่งผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาลหรือผู้แทนเฉพาะคดีได้ยื่นฟ้องแทนไว้แล้ว ผู้ฟ้องแทนนั้นจะว่าคดีต่อไปก็ได้
อำนาจของผู้เสียหายในการแจ้งความหรือฟ้องร้องคดีอาญา ผู้เสียหายมีสิทธิแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนหรือยื่นฟ้องร้องต่อศาลในฐานะโจทก์เป็นคดีอาญาได้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานหรือพนักงานอัยการไม่ดำเนินคดีอาญาให้ตามมาตรา 28 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือไม่ก็่ตาม ซึ่งหมายความว่าผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องเองได้เพื่อปกป้องสิทธิของตนเมื่อเห็นว่าไม่ได้รับความยุติธรรม โดยสิทธิในการฟ้องคดีนี้ครอบคลุมถึงการฟ้องในฐานะโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ และสิทธิในการถอนฟ้องหรือยอมความได้ตามมาตรา 30 และ 31 ตามลำดับ
ขั้นตอนการฟ้องคดีอาญาของผู้เสียหาย
1. การรวบรวมหลักฐาน ผู้เสียหายต้องเตรียมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เช่น พยานบุคคล หลักฐานเอกสาร ภาพถ่าย หรือวิดีโอที่บ่งชี้ถึงการกระทำความผิด ซึ่งจะมีผลในการพิจารณาของพนักงานอัยการในการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องหรือต่อศาลว่ามีมูลความผิดหรือไม่
2. การแจ้งความ การแจ้งความต้องกระทำในพื้นที่ที่การกระทำความผิดเกิดขึ้น เพื่อให้พนักงานสอบสวนที่มีอำนาจในเขตพื้นที่นั้นสามารถดำเนินการสอบสวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การยื่นฟ้องร้องต่อศาล การฟ้องร้องคดีอาญานั้นสามารถทำได้โดยการยื่นคำฟ้องในศาลเขตที่มีอำนาจตามกฎหมาย โดยมีข้อกำหนดเกี่ยวกับเนื้อหาและลักษณะของคำฟ้อง ซึ่งควรปรึกษาทนายความเพื่อความถูกต้องในการทำคำฟ้อง
กรณีตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2553: ศาลฎีกาตัดสินว่า ผู้เสียหายมีอำนาจในการฟ้องร้องในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินโดยตรงแม้ว่าจะมีการดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานอัยการแล้ว ผู้เสียหายก็ยังสามารถฟ้องร้องเพื่อคุ้มครองสิทธิของตนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3591/2557: ผู้เสียหายมีสิทธิในการยื่นฟ้องเป็นโจทก์ได้แม้ในกรณีที่อัยการถอนฟ้องหรือเลิกดำเนินคดี โดยศาลได้ให้เหตุผลว่าเป็นการปกป้องสิทธิและความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหายในการดำเนินการฟ้องคดี
สรุป: สิทธิของผู้เสียหายในการฟ้องคดีอาญานั้นเป็นสิทธิที่กฎหมายรับรอง ซึ่งการฟ้องคดีนี้จะช่วยให้ผู้เสียหายมีช่องทางในการเรียกร้องความยุติธรรม
ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย
สำนักงานทนายความ สำนักงานกฎหมาย
แฟนเพจ FB : ทนายนิธิพล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย
โทร : 095-453-4145 เวลาติดต่อจันทร์-เสาร์ 10.00น – 18.00น
12 พ.ย. 2567
11 พ.ย. 2567
13 พ.ย. 2567